หนุ่มมะกันพบซากฟอสซิลฟัน MEGALODON ฉลามยักษ์ดึกดำบรรพ์

หนุ่มมะกันพบซากฟอสซิลฟัน MEGALODON ฉลามยักษ์ดึกดำบรรพ์

สื่อต่างประเทศรายงานการพบซากฟันขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือที่มีลักษณะคล้ายฟันของฉลาม และเชื่อกันว่านี่คือซากฟันของ Megalodon ฉลามยักษ์ดึกดำบรรพ์ที่นักวิทยาสาสตร์เชื่อว่าเคยมีชีวิตอยู่ในช่วงประมาณ 3.6 ล้านปีที่ผ่านมาโดยซากฟันดึกดำบรรพ์ดังกล่าวถูกพบที่รัฐ North Carolinaโดยนาย Harvey Wall ชาวอเมริกัน 

ขณะที่เขาพาสุนัขของเขาเดินเล่นบริเวณชายหาดตามปกติ โดยเขาเล่าว่า ขณะเดินเล่นเขาก็ได้มองหาเปลือกหอยไปพรางๆ และบังเอิญพบวัตถุสีดำถูกคลื่นซัดขึ้นมา เขาไม่แน่ใจจึงลองเตะดูเบา และวัตถุดังกล่าวก็หลุดออกมาจากทรายเป็นซากฟันดังกล่าว จึงเก็ยขึ้นมาและถ่ายรูปลงเฟสบุ๊คอวดเพื่อนๆ

Megalodon คือฉลามขนาดใหญ่ที่เคยมีชีวิตอยู่ในช่วง 2.6-3.6 ล้านปีก่อน ในยุค Early Miocene เป็นบรรพบุรุษของฉลามขาวที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน(สายพันธุ์ฉลามที่ใหญ่ที่สุดในโลก) อยู่ในตระกูลปลาแมคคาเรล นักวิทยาศาสตร์เคยขุดพบซากฟอสซิลของ Megalodon โดยจากการคำนวนแล้วน่าจะมีขนาดความยาวถึง 18 เมตร (ยาวกว่ารถบัส) และกรามขนาดใหญ่ที่คาดแรงกัดประมาณ 25,000-40-000 ปอนด์. ล่าสุดก็เพิ่งถูกทำเป็นหนังไปหมาดๆ

สื่อต่างประเทศมีรายงงานว่า หลังจากการเจรจาระห่างประธานาธิบดีของสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ในการประชุม G20 ที่ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา ดูเหมือนว่ารัฐบาลของทรัมป์จะมีท่าทีที่อ่อนลง และตกลงที่จะมีการเจรจากรอบการค้ากับจีนอีกครั้ง และอนุญาตให้บริษัทสัญชาติอเมริกันสามารถทำการค้าขายได้ตามปกติ ซึ่งหัวเว่ยก็เป็นหนึ่งในนั้น

แถลงการณ์นี้ยังคงดูย้อนแย้งกับคำสั่งแบนจากกระทรวงพานิชย์ที่ออกมาก่อนหน้านี้ไปนิด แต่อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ก็ยังไม่ได้มีการยืนยันว่าจะจะถอดหัวเว่ยออกจาก Blacklist แต่อย่างใด โดยทรัมป์กล่าวว่า “ในส่วนของสถานการณ์กับหัวเว่ยนั้นมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างซับซ้อน คงต้องเอาไว้ท้ายสุด ดูก่อนว่าการเจรจาการค้าจะไปในทิศทางไหน”

วานนี้ (29 มิ.ย.) ทางเฟซบุ๊กเพจ Royal Thai Consulate General, Hong Kong ซึ่งเป็นเพจของสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง ได้ประกาศแจ้งเตือนคนไทยที่อยู่ในฮ่องกง และคนไทยที่จะเดินทางไปฮ่องกงช่วงวันที่ 1 ก.ค.นี้ ให้เลี่ยงพื้นที่ที่จะมีการชุมนุมครั้งใหญ่

โดยพื้นที่ดังกล่าวครอบคลุมย่าน Causeway Bay, Central, Wan Chai ไปจนถึงที่ทำการรัฐบาลฮ่องกงในย่าน Admiralty ครั้งนี้ โดยผู้ที่จะเดินทางด้วยรถยนต์และรถไฟฟ้าใต้ดินให้เผื่อเวลาในการเดินทางด้วย มีการคาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมจำนวนมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา หลังมีเรื่องประท้วงต้านกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน โดยทางสถานกงสุลใหญ่ฯ จะติดตามสถานการณ์และรายงานความคืบหน้าสำคัญให้ทราบ

ฆ่าพี่เพราะผู้ชาย แฝดน้องอำมหิตอ้างแทงเพราะถูกกระทำก่อน

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา เกิดเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญจากรักสามเส้า เมื่ออแมนดา รามิเรซ อายุ 27 ปีลงมือฆ่าแอนนา รามิเรซ แฝดพี่ของตน โดยการใช้มีดแทง เนื่องมาจากอแมนดาตกหลุมรักแฟนหนุ่มของพี่  โดยเดอะนิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า แอนนานั้นทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่สถาบันทางการแพทย์ในพื้นที่ เป็นคนรักครอบครัวมาก มักจะคอยดูแลทุกคนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะคุณตาคุณยาย อีกทั้งยังเป็นแม่ที่ทุ่มเทเพื่อลูก ๆ มาโดยตลอด และแอนนาก็รักฝาแฝดของตนมากเพื่อนบ้านต่างก็พบเห็นทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่เสมอ และไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายนี้ขึ้น

เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนแอนนาจะถูกฆ่า แอนนายังโพสต์รูปตัวเองอยู่กับญาติ ๆ และอแมนดา ซึ่งทุกคนต่างก็ยิ้มอย่างมีความสุข ในวันเกิดเหตุ ตำรวจได้รับแจ้งเหตุที่เกิดที่อพาร์ตเมนต์ของอแมนดา ในเมืองแคมเดน ทางตะวันตกของรัฐนิวเจอร์ซีย์ โดยตำรวจมาพบร่างแอนนานอนอยู่บนถนน มีเลือดออกที่หน้าอกจากแผลถูกแทงจำนวนมาก หายใจรวยริน และต่อมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

ตำรวจสันนิษฐานว่าอแมนดาเป็นผู้ต้องสงสัยเพราะเล่าเหตุการณ์ไม่เหมือนกันถึง 3 ครั้ง โดยทีแรกอ้างว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ต่อมาก็เล่าว่าก่อนเกิดเหตุได้ออกไปเที่ยวด้วยกัน และแวะดื่มที่บ้านญาติ จากนั้นก็กลับบ้าน และมีเพื่อนมาด้วย แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหากับพี่

แต่เมื่อตำรวจถามเรื่องรอยข่วนบนหน้าและแผลที่แขน อแมนดากลับเล่าว่าตัวเองทะเลาะกับพี่และตบตีกัน แต่อ้างว่าพี่เป็นคนเริ่มก่อน โดยบอกว่าอยู่ดีๆ พี่ก็ตรงเข้ามาตบตีตนอย่างรุนแรงก่อนจะเดินไปหยิบมีดแล้วพยายามจะแทงตนจนบาดเจ็บหลายแห่ง ตนจึงต้องป้องกันตัว ระหว่างที่ยื้อมีดกันตนก็เผลอแทงพี่สาว แถมยังพูดว่าจำไม่ได้ว่ามีดอยู่ไหน ซึ่งต่อมาตำรวจไปพบอยู่ในห้องครัวของอแมนดา

แต่สุดท้ายตำรวจก็พบว่าการฆ่ากันครั้งนี้มีเหตุมาจากปัญหาความรักเพราะอแมนดาแอบรักแฟนของแอนนา โดยอแมนดาเป็นคนเริ่มทำร้ายร่างกายและฆ่าพี่สาวโดยเจตนา นอกจากนี้ ยังมีพยานเล่าว่า ตนเห็นพี่น้องฝาแฝดมีปากเสียงกัน จากนั้นอแมนดาก็เดินเข้าไปในบ้านและเดินกลับมาพร้อมมีดและพูดว่า ดูซะให้เต็มตา ว่าฉันกำลังจะทำอะไรกับแก” ก่อนจะกระหน่ำแทงแอนนาจนล้มลง อีกทั้ง เมื่อจะเข้าไปช่วย แอนนาซึ่งถูกแทงอาการสาหัสนั้นพูดออกมาว่า “อแมนดา เธอแทงฉัน”

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป