กระทรวงการคลังสหรัฐ ได้ขึ้นบัญชีไทย, ไต้หวัน และอินเดีย เป็นประเทศล่าสุดที่ถูกจับตามอง หวั่นปั่นค่าเงิน เนื่องจากอาจมีการใช้มาตรการลดค่าเงินเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์ นอกจากนี้ประเทศอื่นที่ถูกจับตามองได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ อิตาลี และเยอรมนี
ขณะเดียวกันทางการสหรัฐฯได้ ขึ้นบัญชีเวียดนามและสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศปั่นค่าเงิน
หลังจากที่ได้เข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราเพื่อป้องกันการปรับเปลี่ยนในดุลการค้า ส่วนเวียดนามมีความได้เปรียบในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งนี้ สหรัฐมีหลักเกณฑ์ 3 ข้อในการตัดสินว่าประเทศใดเข้าข่ายเป็นประเทศที่ทำการปั่นค่าเงิน ได้แก่ ประเทศที่มีการเกินดุลการค้ากับสหรัฐมากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมากกว่า 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) รวมทั้งธนาคารกลางของประเทศดังกล่าวได้เข้าแทรกแซงค่าเงิน และเข้าซื้อดอลลาร์เกินกว่า 2% ของ GDP
การดำเนินการของสหรัฐในครั้งนี้ นับเป็นการใช้มาตรการดังกล่าวเป็นครั้งแรกเพื่อตอบโต้รัฐบาลต่างชาติที่จงใจลดค่าเงินเพื่อเอื้อต่อการส่งออกสินค้า โดยกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า เวียดนามจงใจลดค่าเงินดองให้อ่อนค่าเกินจริงในปีที่แล้วเพื่อหวังผลทางการค้า
ขั้นตอนจากนี้คือกรมส่งเสริมเกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธ.ก.ส. จะประสานงานกันโดยขั้นตอนสุดท้ายคือ ธ.ก.ส.มีหน้าที่โอนเงินส่วนต่างให้กับบัญชีเกษตรกรโดยตรงซึ่งจะต้องภายใน 3 วันทำการจะตรงกับวันนี้ วันที่ 17 ธันวาคม 2563 โดยมีเกษตรกรได้รับชดเชยตามข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตร งวดนี้จำนวน 74,497 ครัวเรือน ทั้งนี้เกษตรกรกลุ่มนี้สามารถตรวจสอบบัญชีหลังวันนี้ที่ 17 ได้เลย
” อย่างไรก็ตามตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นมาเราได้จ่ายเงินประกันรายได้ผู้ปลูกข้าวไปช่วยเกษตรกรชาวนาแล้วเกือบ 4 ล้านราย ขณะนี้ยังคงเหลือชาวนาที่แจ้งเก็บเกี่ยวข้าวอีกไม่กี่หมื่นรายซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวนาภาคอีสาน โดยสัปดาห์หน้าก็จะประกาศราคาเกณฑ์กลางอีกและจ่ายเงินในกลุ่มต่อไปให้ทันได้ใช้เงินส่งท้ายปีจากนั้นจะเป็นต้นปีหน้า เป็นงวดชาวนาบางส่วนในพื้นที่ภาคใต้กว่า 3 แสนรายเท่านั้น
และเพื่อดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ของรัฐบาลในการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้สูงขึ้นจึงมีการพิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงทุกสัปดาห์ โครงการประกันรายได้เกษตรกรมีเงินส่วนต่างถึงมือเกษตรกรเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่หายหกตกหล่นเพราะผ่านบัญชีโดยตรงของเกษตรกรเองจึงเป็นโครงการที่ชาวนาประทับใจรัฐบาลอย่างยิ่งขณะนี้เรายังเดินหน้า
กยศ. ลดเบี้ยปรับ 100% เป็นของขวัญปีใหม่ 2564 สู้ภัยโควิด
กยศ.มอบของขวัญปีใหม่สู้ภัยโควิด ลดเบี้ยปรับ 80 – 100% และลดอัตราการคิดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% ต่อปี เพื่อช่วยเหลือผู้กู้ยืมเงินที่ค้างชำระหนี้ รวมถึงลดเงินต้น 5% เมื่อชำระหนี้ปิดบัญชีในคราวเดียวสำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ไม่เคยผิดนัดชำระ ระยะเวลา 6 เดือน
กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) มอบของขวัญปีใหม่สู้ภัยโควิด ลดเบี้ยปรับ 80 – 100% และลดอัตราการคิดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% ต่อปี เพื่อช่วยเหลือผู้กู้ยืมเงินที่ค้างชำระหนี้ รวมถึงลดเงินต้น 5% เมื่อชำระหนี้ปิดบัญชีในคราวเดียวสำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ไม่เคยผิดนัดชำระ ระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2564
นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า “จากการที่กองทุนได้มีมาตรการช่วยเหลือและให้โอกาสผู้กู้ยืมเงินที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มาอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์การระบาดของโรคดังกล่าว คณะกรรมการกองทุนฯ จึงได้มีมติเห็นชอบมาตรการชั่วคราว เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระทางการเงินและเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่ผู้กู้ยืมเงิน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 รวมระยะเวลา 6 เดือน ดังนี้
1. ลดเบี้ยปรับ 100% กรณีชำระหนี้ปิดบัญชี สำหรับผู้กู้ยืมเงินทุกรายที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี สามารถชำระได้ที่ธนาคารกรุงไทยและธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยทุกสาขา ส่วนผู้กู้ยืมเงินที่ถูกดำเนินคดี ต้องลงทะเบียนขอรับสิทธิและนัดหมายวันที่ประสงค์จะชำระหนี้ปิดบัญชีได้ที่ www.studentloan.or.th โดยผู้กู้ยืมเงินต้องชำระค่าทนายความและค่าฤชาธรรมเนียมศาลให้เสร็จสิ้นก่อนปิดบัญชี
2. ลดเบี้ยปรับ 80% สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีที่ชำระหนี้ค้างทั้งหมดให้มีสถานะปกติ
3. ลดเงินต้น 5% สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้และชำระหนี้ปิดบัญชีในคราวเดียว
4. ลดอัตราการคิดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% ต่อปี สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีและไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวเป็นของขวัญปีใหม่ที่กองทุนมอบให้แก่ผู้กู้ยืมเงิน โดยกองทุนขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านร่วมกันสู้เพื่อให้ผ่านสถานการณ์โควิดไปด้วยกัน ผู้กู้ยืมเงินสามารถดูรายละเอียดช่องทางการชำระหนี้เพื่อรับสิทธิตามมาตรการดังกล่าวได้ที่ www.studentloan.or.th โดยตรวจสอบยอดชำระได้ที่แอปพลิเคชัน กยศ. Connect หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ไลน์บัญชีทางการ กยศ. (Line Official Account กยศ.) หรือโทร. 0 2016 4888” ผู้จัดการกองทุนฯ กล่าวในที่สุด
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป